6

10/10/2556

มาคุยกันหน่อย "The perks of being a wallflower"

The perk of being a wallflower
วัยป่วนหัวใจปึ้ก


เฮ้ หายไปนานเรย กลับมาแระ วันนี้อยากมารีวิวหนังเรื่องนึง

เป็นเรื่องที่น่าสนใจนะ นั้นก็คือเรื่อง The perks of being a wallflower วัยป่วนหัวใจปึ้ก



เรื่องนี้บอกเรยว่าที่ดูนั้นก้เพราะเป็นแฟนตัวยงของ Emma Watson 
หรือ Hermione ที่หลายคนรู้จักกันนั้นแระ ติดตามผลงานเสมอ ชอบส่วนตัวนะคนนี้
ไอดอลเรยละ และอีกคนก็ Logan Lerman พ่อ Percy Jackson นั้นแระ

ตอนแรกก็คิดว่าเป็นหนังวัยรุ่นธรรมดา ก็ตามภาษานั้นแระ
ดูไปก็คาดหวังจะได้เห้นฉากกุ๊กกิ๊กสนุกๆ แต่พอดูๆไปก็ ไหงมันดราม่าขนาดนี้วะ
555 เลยแอบไปอ่านเรื่องย่อ ชิบหา*แระ หนังชีวิตเรยละ
แล้วยังมารู้ว่าทำมาจากหนังสืออีก


บอกตรงๆเรย ไม่ค่อยชอบหนังดราม่าซักเท่าไร หนังรัก
หนังชีวิตที่ต้องนั่งปาดน้ำตาอะไรทำนองนี้ มันปวดหัว แบบว่าปวดจิงๆนะ
ร้องไห้อะ เลยเป็นคนชอบหนังแอคชั่น แฟนตาซีแบบเด็กผู้ชายซะมากกว่า

ขอพูดถึงตัวหนังนะ

การดำเนินเรื่องน่าติดตามมาก เป็นฉากที่ตัวเอกของเรื่อง Charlie เล่า
เรื่องยุ แล้วก็ตัดมาตอนที่ชาร์ลีเข้ามัธยม แถมยังมี flashback ตลอดอีก 
ทำให้น่าติดตามมากๆตัวละครแต่ละตัวมีการผูกเรื่องกันตลอด 
อาจจะมีแอบบงงๆบ้างเกี่ยวกับตัวละครบ้างตัวที่เรื่องดูจะตันๆ เหมือนโดนตัดอะ

ขอพูดเรยว่าถ้าได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ต้องร้องชัว
ขนาดในหนังสือ เรายังรู้สึกตันๆแบบแน่ๆ ชอบจริงๆก็คำพูด
ของหลายๆคนในเรื่องที่มักจทิ้งแง่คิดเอาไว้เสมอทั้งอาจารย์
ตัวชาร์ลีเอง หรือ Sam ที่รับบทโดย Emma 

The Perks of being a Wallflower

เป็นอีแง่มุมหนึ่งที่หนังสมัยนี้ไม่ค่อยสื่ออกมาให้เห็นมากนัก 
ในมุมมองของเด็กวัยรุ่นที่สะท้อนด้านที่เขาประสบมา ในแบบที่ผู้ใหญ่เองก็ไม่เข้าใจ
 หรือเลือกที่จะมองมันเป็นแค่เรื่องธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง ซึ่งเรื่องธรรมดา
สำหรับคนๆหนึ่งนั้นอาจจะหมายถึงโลกทั้งใบของใครซักคนก็ได้


ความรู้สึกหลังจากที่พอจะรู้ว่าเป็นหนังดราม่าอะนะ
บอกเรยว่าไม่อยากดูเรย โอ้ยต้องร้องอีกแน่ๆ แต่ก็ไม่นะ รู้สึกว่า
ได้อะไรมากเรยจากหนังเรื่องนี้ เหมือนเปิดแง่มุมให้ตัวเองอีกมากโขเรย


สัญญเรยว่าจะไม่ปิดโอกาสตัวเอง 
และให้โอกาสกะหนังแนวนี้ให้มากขึ้นหนังคุณภาพก็ว่าได้เรย



  

9/01/2556

What!! I'm a Zoo Volunteer.. ประสบการณ์สนุกๆกับการได้มาเป็นอาสาสมัครสวนสัตว์

What!! I'm a Zoo Volunteer..

ประสบการณ์สนุกๆกับการได้มาเป็นอาสาสมัครสวนสัตว์



วันนี้หลังจากห่างหายการเขียน Blog ไปนาน ก้เริ่มหันมาใส่ใจมัน
อีกรอบหนึ่ง เพราะเพิ่งมีโอกาสได้ทำกิจกรรมดีๆ และอย่างจะแชร์มันกะเพื่อนๆทุกคน

คราวนี้ได้มีโอกาสเป็น อาสาสมัครสวนสัตว์ ที่สวนสัตว์สงขล่า
จริงๆแล้วก้ต้องเริ่มนับตั้งแต่ตอนอบรมเดือนมิถุนายนที่ได้ไปอบรมกะทางสวนสัตว์ก่อน
กิจกรรมนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4สวนสัตว์แล้ว แต่เป็นปีแรกจริงๆที่จัดขึ้นในระดับอุดมศึกษา
เพราะปกติจะเป็นของน้องนักเรียน พวกเราก็ประเดิมรุ่นแรกกันเรย


คราวนี้ก้ยังไปกะแก๊งๆเพื่อนสุดเฮี๊ยวอีกเช่นเคย
แต่คราวนี้บวกเพื่อน น้องจากม.ราชภัฎไปด้วย ได้มีโอกาสรู้จักและทำกิจกรรม
ร่วมกัน นั่งฟังการอบรมจากพี่ๆที่ทำงานที่สวนสัตว์ อีกทั้งยังมีส่วนได้
ช่วยเสนอความคิดเห็นในการพัฒนาสวนสัตวอีกด้วย





โดยอบรมเป็นจำนวน 2 วัน วันแรกพี่เขาก้จะเล่าเกี่ยวกับสัตว์
และสวนสัตว์ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ถาม และพาพวกเราไปทัวร์รอบสวนสัตว์โดยทั่ว
วันที่ 2 เราก้จะจับกลุ่มกะเพื่อนๆและน้องๆ ไปทำเสนอในประเด็นที่เราได้กัน
และมีพี่จากฝ่ายการศึกษาของทางสวนสัตว์ เป็นที่ปรึกษา

กลุ่มเรามีด้วยกัน 5 คนเราได้หัวข้อ ฮิปโปโปแตมัส
ซึ่งถึงว่าค่อนข้างยากยุ เพราะเป็นกลุ่มเดี่ยวที่ได้สัตว์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
แต่ต้องมานำเสนอถึงวิธีอนุรักษ์และการขยายพันธุ์ อีทั้งชักชวนผู้คนให้หันมาสนใจ
และถ้าต้องมีงานจะดึงดูดผู้คนด้วยอะไร





แต่เราก้ทำได้ยุ และก้ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งด้วยนะ ><

พอมาถึงวันที่มา ปฎิบัติงานจริงในฐานะอาสาสมัครสวนสัตว์
ซึ่งก้คือเดือนสิงหานี้ บอกตรงๆว่าตื่นเต้นมากๆ ล้นลานไปซะหมด เพราะไม่รุ้
ว่าจะเปนไงมั้ง ซึ่งพอไปถึงวันแรกก้เหมือนกะไปเจอแจ๊กพ็อตเรย เพราะต้องตอนรับ
นักเรียนกว่า 400 กว่าคน ซึ่งวันนั้นทางสวนสัตว์ได้จัดให้เปนวัน Zoo Kid พอดี
ซึ่งฟีล์มได้มีโอกาสเปนผู้ช่วยในโชว์ การแสดงวิถีชีวิตสัตว์ป่า หรือ Survival of Wildlife
แต่ก้นับว่าสนุกไปอีกแบบ เด็กๆน่ารักมาก แต่ที่สุดแล้วสัตว์น่ารักจิงๆ





ยังมีโอกาสได้ทำอาหารแก่สัตว์ตัวน้อยๆ อีกทั้งยังได้รู้จักเพื่อนใหม่
จากประเทศญี๋ปุ่นที่มาในโครงการอาสา ที่พวกเราก้สนใจอยู่ด้วย
ทั้งนี้ก้มีเพื่อนสุดสวยไปแจมด้วยในตอนสายๆ





งานนี้ยังได้มีโอกาสจับน้องเม่นแคระที่อยากได้มานานแสนนานอีกด้วย
น่ารักมากๆเรยอะ ชอบๆๆๆ ><


ขอออกตัวก่อนเรยว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเห็นโครงการแบบนี้คงไม่สมัครเป็นอย่างแน่นอน
เพราะคิดว่ามันต้องเหนื่อยแน่ๆ แต่ตอนนี้ชอบที่จะได้เข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้นเพราะรู้สึกสนุก
และได้ประสบการณ์มากมาย อีทั้งยังได้มีโอกาสรู้จักคนในหลากหลายรู้แบบ 
พูดก็คือรู้สึกสนุกที่ได้เรัยนรู้นะละคะ ^^

ขอทิ้งท้ายไว้ด้วยสัตว์ตัวโปรดของฟีล์มนะคะ
ตัวคาปิบารา มันน่ารักมากๆเรยอะ ><


โครงนี้เป็นโครงการที่ดีมากๆโครงการหนึ่งที่อย่างให้หลายคนได้มีโอกาส
ด้เข้าร่วมเพราะนอกจากจะสนุกแล้วยังอัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ที่เต็มแน่นอย่างแน่นอน

ไว้พบกันใหม่นะคะ ^^




5/17/2556

ค่ายอาสาพัฒนาภาษาอังกฤษ @ ร.ร.ห้วยนางราษฎร์บํารุง

 ค่ายอาสาพัฒนาภาษาอังกฤษ 
@ ร.ร.ห้วยนางราษฎร์บํารุง

วันนี้ก้มีกิจกรรมดีๆมาบอกกล่าวกะเพื่อนๆกานนะ ^O^
เมื่อวันที่ 8-9 พ.ค.เพิ่งไปทำค่ายอาสาพัฒนาภาษาอังกฤษที่
ร.ร.ห้วยนางราษฎร์บำรุง จ.ตรังมานั้นเอง


เรื่องราวมันเริ่มขึ้น..

เราออกเดินทางไปตรังตั้งแต่วันที่ 7 เรย ไปนอนที่ร.ร.ก่อน 1 คืนเพื่อเตรียมงาน
และเตรียมตัวก่อนด้วย โดยเปนงานที่จัดขึ้นให้น้องๆ ม.1 และ ม.4 
ร.ร.ห้วยนางราษฎร์บำรุงหรืออักษรย่อ ร.บ. นั้นเอง :)

หอบสัมภาระกันไปเยอะมาก

เพื่อนๆที่ไปกันก้มี อ.นก แก้ว(แม่งานใหญ่ค่อยประสานทุกอย่าง) เฟริน กุ้ง
โรส ซี เย็น ฝน ทิพ ปัท มด วิลด้าฮ์ ปาล์ม เติ้ล พี่Heem และก้เรานั้นเอง อิอิ



ขอเล่ารายละเอียดเกี่ยวกะกิจกรรมที่เราไปจัดอย่างย่อๆละกาน
เพราะเราเองก้ไม่ค่อยรุเรื่องของแต่ละฐานเท่าไรนะ ก้รุ้แต่ฐานตัวเองนิแระ
ก้แบ่งออกเปน 7 ฐาน(แบ่งเปนสี โดยพี่ฐานก้เปนพี่สีไปในตัวด้วย เชียร์น้องตัวเองกันสนุก) 
ฐานหนึ่งมีพวกเรา 2 คน แต่ด้วยเดกที่เยอะมากเดกรวมกันเกือบ 160 คน 
ฐานหนึ่งเลยรับเดกเกือบ 20-22 คน เหนื่อยมาก T^T 





น้องผู้โชคดีที่โดนแกล้งก่อนใคร 55+

ก้มีฐาน ฟัง พูด อ่าน เขียน อาเซียนและก้ฟรีสไตล์ 2 ฐาน
ค่อยหมุนฐานไปเรยๆ โดยเราแยกเดก ม.1 กะ ม.4 ออกจากกานเปน ม.1 = 4กลุ่ม
ม.4 =3กลุ่ม เราซึ่งเปนพี่ stuff ก้ปรับฐานกานไปแล้วแต่เดกที่มา แล้วก้มีน้องคณะ
กรรมการของร.บ.มาช่วยพาน้องเปลียนฐาน



วันที่ 8 วันแรกก้ฐานละ 4 กลุ่ม เช้า 2 บ่าย 2 ถือว่าจัดกันเตมเอียด
แล้วก้มีกิจกรรมรวมตอนเยนก่อนจากกานเบาๆ เปนครั้งแรกที่มาทำหน้าที่พี่สันทนาการ
คิดมาตลอดทำไม่ได้แน่ๆ แต่ก้ทำได้ 55+ กะฝนคนสวยที่ดูเหมือนะเข้าขากันมากที่เดียว
ยอมรับว่าสนุกดี ถึงตอนแรกจะเครียดหัวแทบแตกว่าทำไรดี 
คิดออกตอนนั้นก้ดึงน้องกรรมการมาเล่นซักเลย 

ฐานสีเขียว เยน+ฝน ฐานการออกเสียง

ฐานสีฟ้า ทิพ+มด+ซี ฐานกาเขียน

ฐานสีชมพู กุ้ง+เฟริน ฐานการพูด

ฐานสีเหลือง นัท+แก้ว+ปัท ฐานอาเซียน

ฐานสีม่วง เราเอง(ฟีล์ม)+วิลด้าฮ์ ฐานการฟัง

ฐานสีส้ม เติ้ล+พี่Heem ฟรีสไตล์

ฐานสีน้ำเงิน โรส+ปาล์ม ฟรีสไตล์

พอถึงตอนเยนเพื่อนๆก้หมดแรงกันเลยทีเดียว
แต่ยังไงก้ยังไม่หมดต่อกานอีกวัน วันที่9 ที่ผิดแผนนิดหน่อยไม่ได้สัน
ตอนเช้า แต่พวกเราก้เกบรวด 3 กลุ่มที่เหลือภายในเช้านั้น พักเที่ยงและรอรวมน้องกลุ่มใหญ่
ในตอนบ่ายนั้นเอง บอกตรงๆ คิดไว้เยอะมากแต่ก้ทำได้ไม่กี่อย่างนัก เพราะ 
1.เวลามันจวนตัว และ
2. กิจกรรมหนึ่งๆมันกินเวลากว่าที่คิด
แต่ก้จบได้อย่างที่หมายไว้ สนุกๆมาก เละเทะกานเรยตอนจบ
มีประกวดขวัญใจชาวค่ายโดย ม.1 ได้น้องมอส ม.4 ได้น้องเลียม







จบกิจกรรมโดยการให้น้องเขาช่วยทำแบบสอบถามของเรา
และท่านผอ.ก้มีพิธีมอบเกียรติบัตรให้เรา บอกจิงๆไม่รุมาก่อน ตอนนั้นหน้าเละมาก 
โดนเดกแกล้ง 55+ แต่ก้ยังไม่สุดนะ มาจบด้วยขนมจีนฝีมือแม่ของแก้ว เอาซะจุกเรย
ก้ว่าได้้ ถือว่าเปนกิจกรรมดีอีกอย่างนึงเรย :)

ความเป็นอยู่ที่สุดแสนจะ... เอิ่ม 55+


ทางโรงเรียนก้ต้อนรับเราดีนะ จัดสถานที่ อาหารการกินให้ทุกอย่างเรย
มีแต่ที่อาบน้ำที่ออกจะลำบากหน่อย พวกเราเลยขนของไปอาบน้ำบ้านแก้วที่
ไม่ไกลจากนั้นกาน(แต่ก้นั่งรถเกือบ 20 นาทีกว่าอิถึง แถมขึ้น-ลงเขากันสนุก) 
พ่อกะแม่ของแก้วดีมากๆ ต้อนรับดีสุดๆ แก้วเองก้ทุ้มเต็มตัวเรย นับถือมากๆ เราเอง
ก้ไม่รุอิทำได้เท่าแก้วไหม (เลิฟๆนร้า>>แก้ว)

ความรู้สึกจากใจจริง ><


การมาครั้งนี้ก้เหมือนการมาเที่ยวในตัวเรยว่าได้
แต่เหนื่อยมากๆ เหนภาพตัวเองที่กำลังเปนครูเรยก้ว่าได้
บอกตรงว่าเปนครั้งแรกที่กินข้าวไม่ลง มันทั้งจุกทั้งเหนื่อยไปหมด แต่ก้สนุกมากๆ
ได้เก็บเกี่ยวประสบการดีๆเพียบเรย มาครั้งนี้ได้รู้เลยว่าเราทำอะไรได้ไม่ได้ 55+
ไอ้ที่คิดว่าทำไม่ได้มาตลอด พอถึงเวลาจริงๆเราก้ๆด้ยุนะ ถึงต้องใช้แรงกดดัน
จนเกือบร้องขนาดนี้ก้เถอะ ภูมิใจในตัวเองนะและก้เพื่อนๆทุกคน น้องๆร.บ. 
อาจารย์ทุกท่านที่ให้ความร่วมมืิอ(แกมบังคับ55+) อย่างเตมที่


ถ้ามีโอกาสก้อยากทำกิจกรรมดีๆแบบนี้อีกนะ แต่คราวหลังขอเปน
แบบวันเดียวนะ ไม่ไหวจิงๆหมดแรง 55+


เหมือนที่เขาพูดกันนั้นแระคะ 
Life is Sharing

5/01/2556

'2013' Year of Movies Sequel !!!

'2013' Year of Movies Sequel !!!
2013 ปีแห่งหนังภาคต่อ
2013 เป็นปีที่ดีที่เดียว ใช่แล้ว! เราพ้นปีโลกแตกแล้ววว 55+
สำหรับคอหนังอย่างเราบอกเรย ปีนี้มันเยี่ยมที่สุดดด เพราะมันคือ
' ปีแห่งหนังภาคต่อ ' นั้นเอง 
ซึ่งดูเหมือนกระแสหนังภาคต่อมันจะมีมาเรื่อยๆตั้งแต่ 
Star War Harry Potter และ Twilight แล้ว

บอกตรงๆว่าเราเปนคนที่ติดหนังต่างประเทศมาก ไม่ใช่ว่าหนังไทยไม่ได้นะ
เราก้ยังดูหนังไทยบ้าง แค่รู้สึกว่า ส่วนใหญ่หนังไทยจะเปนแนวตลกคอมเมอดี้ซะมาก
หรือไม่ก้หนังผีที่เราโคตรจะกลัว T T ซึ่งหนังไทยที่ดูล่าสุดก้คงเปน 'คู่กรรม' เปนแนวที่ไม่ค่อย
เหนในไทยมากนะ เลยรู้สึกสนใจเปนพิเศษ แล้วก้ไม่ผิดหวัง ^^


วันนี้ก้ไม่มีอะไรมาก ก้แค่อีกหนึ่งบล็อกของพวก Fangirl อย่างเรา
ที่ขอมาบอกเพื่อนๆคอหนังหลายๆคน(ถึงหนังที่เราอยากดู)หนังที่กำลังจะเข้าปีนี้ 
ที่ส่วนใหญ่เปนหนังภาคต่อซะด้วยซึ่งถ้าเพื่อนๆสังเกตกานก้จะเหนว่าส่วนใหญ่
มาจาก หนังสือ หรือ การ์ตูน ชื่อดังนั้นเอง

เรื่องแรกที่จะนำเสนอเรยก้ คือ Iron Man 3 ><


จิงๆแล้วไม่ค่อยเปนคอแฟนของ Robert Downey Jr. ซะเท่าไร
เพราะเคยดูสัมภาษณ์หรืออะไรแล้วเค้าออกจะนิสัยไม่ค่อยจะปกติ 55+ แต่
การแสดงเค้าดีมาก หนังเรื่องนี้ทุ่มทุนสร้างสุดขีดโดยเฉพาะภาคนี้ที่เค้าว่ากันว่า
เปน Iron Man ภาคทีดี่ที่สุด ก้เปนอีกหนังเรื่องนะที่ทำมาจากการ์ตูนที่ดังมาก
อีกหนังตัวละครฮีโร่จาก Marvel Comics อย่าลืมไปติดตามชมกานนร้า วันที่ 3 พฤษภานิแล้ววว 



เรื่องต่อไปก้คือ 
Star trek : into darkness


เรื่องนี้อยากดูมักมาก ตั้งแต่ตัว Trailer ที่ปล่อยตั้งแต่ปีที่แล้ว
ภาคแรกเปนอะไรที่ประทับใจมากดูกี่ครั้งก้จบไม่ได้ 55+ จริงๆ หนังเรื่องนี้เคยเปน
ละครโทรทัศน์มาก่อนแล้วดังมากๆ(นานมากก้เลยไม่ได้ดู) คู่แข่งกะ Star War เรย 
พวกแฟนคลับก้คอยเปนอริกันไปด้วย แต่เราก้ดูทั้ง 2 เอามาทำใหม่เปลียนเนื้อเรื่องบ้าง
ก้ยังสนุกยุ ฉะนั้นภาคนี้ต้องดูให้ได้ >< น่าจะเข้าโรงวันที่ 10 พฤษภานี้



เรื่องที่ 3 อีก 1 เรื่องจากหนังสือขายดี 
Percy Jackson & the Olympians: Sea of Monsters


เรื่องนี้มากจากเล่มที่ 2 จากหนังสือชุด 5 เล่มหลายๆคนอาจจะเคย
ได้ยินเกี่ยวกับตำนานเทพโอลิมปัสมาบ้างแล้ว แต่ไม่เหมือนอย่างในหนังเรื่องนี้แน่นอน 
ตั้งแต่ตัวหนังสือแล้วที่เปลียนบทบาทตัวละครให้สนุกแล้วร้าวใจมาก ภาคนี้ก้ยังนำทีมนักแสดง
ชุดเดิมอีกเหมือนเคย คาดหวังกับเรื่องนี้ไว้มากเหมือนกานเพราะภาคที่ผ่านมา 
Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief 
ทำไว้ได้ดีมากๆ จะคอยดูคะ แต่คงจะเข้าช่วงเดือน สิงหาคมนู้นน



เรื่องต่อไปนี้ไม่พูดไม่ได้เรย ><
Thor : The dark world 


เรื่องนี้เปนอีกเรื่องเรยที่ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะชอบได้เรย
เพราะถึงจะชอบหนังแอคชั่น ไซไฟ แฟนตาซีขนาดไหน แต่ก้ไม่คอยจะดูหนัง
จำพวกผู้ชายเบ่งกล้ามต่อสู้เปนยุคหินซักเท่าไร แต่ที่ดูก้เพราะรู้สึกชมการแสดงของ 
Chris Hemsworth จาก snow white and the huntsman จนต้องกลับไปหาเรื่องนี้มาดู
แล้วก้ไม่ผิดหวังจิงๆ สนุกถึงใจมากๆ ถึงจะขัดใจไปบ้างที่ผู้กำกับตัดทิ้งไว้ให้ดูต่อภาค 2 
อย่างนั้น แต่ก้จะติดตามดูอย่างแน่นอน คงเป็นเดือน พฤศจิกายน



เรื่องสุดท้ายของวันนี้ก้คงเปนเรื่อง
The Hunger game


หลายคนเหนโปสเตอร์ภาค 2 นิเปนอันต้องตกใจเรย 
อ้าว มันกลายเปนหนังรักแล้วหรอวะ 55+ ทั้งๆที่ภาคแรกต่อสู้เลือดสาดขนาดนั้น
แต่ก้เปนการเปิดเรื่องน่าสนใจเหมือนกันจากความรักภาคที่แล้ว ตกลงนางเอกจะเอาไง
อยากดูนะเรื่องนี้เพราะชอบนางเอกของเรื่อง Jennifer Lawrenceซึ่งกวาดมาหลายร่างวันมาก
จากเรื่องนี้ และเรื่อง Silver Linings Playbook จนคว้ารางวัลออสก้ามากอดแล้วตอนนี้
แถมยังเปนคนที่ตลกมากๆนอกจอ ชอบคนนิสัยแบบนิอะ 55+



สุดท้ายแล้ว ก้อย่างที่เหนส่วนใหญ่เปนหนังแนวบู๊ 
แอคชั่นทั้งนั้น 55+ แต่ก้ยังมีหนังภาคต่ออีกหลายเรื่องยุนะที่น่าสนใจ
เช่น G.I. Joe: Retaliation(2) , Fast and Furious 6 , The Smurf 2
Die Hard 5 หรือจะเปน Paranormal Activity 5
ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนอย่างนี้ ก้ลองหาหนังสนุกมาดูก้ได้นะคะ ถือว่าใช้เวลาว่าง
ให้เปนประโยชน์อย่างนึง ให้ดีดูเปนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเรยนะ ถือว่าฝึกภาษาไปในตัว


วันนี้ก้บายยยย ย ><